In daily life, we often see some children who are two or three years old still using milk bottles. Doing so has two disadvantages: it is not conducive to children developing good living habits, and it can affect the healthy development of children’s teeth. We should have our children use training water bottles at the age of six months. So what should I pay attention to when choosing a drinking cup for my child?
1.สามารถฆ่าเชื้อได้ไหม
ปัจจุบัน แก้วหัดดื่มเกือบทั้งหมดทำจากพลาสติก PC ปลอดสารพิษ จึงทนทานต่ออุณหภูมิสูงและทนต่อการตกหล่น อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แก้วทุกใบที่สามารถฆ่าเชื้อได้ เมื่อซื้อ คุณแม่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าบรรจุภัณฑ์ภายนอกระบุว่าสามารถซักด้วยเครื่องได้หรือไม่และสามารถฆ่าเชื้อได้หรือไม่
2. ประเภทปากเป็ดและประเภทฟาง
ขวดนมสำหรับทารกโดยทั่วไปจะมีทั้งแบบปากเป็ดและแบบหลอดดูด แต่รายละเอียดจะแตกต่างกันเล็กน้อย หากสังเกตดีๆ จะพบว่าขวดปากเป็ดและแบบหลอดดูดมีเนื้อนุ่มและแข็งแตกต่างกัน ปากขวดแบบนิ่มมักทำจากซิลิโคนที่กินได้ ซึ่งจะให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับจุกนม ส่วนปากขวดแบบแข็งทำจากพลาสติกปลอดสารพิษ ผู้ปกครองสามารถเลือกขวดนมได้ตามความชอบของลูกน้อย
3. มีหรือไม่มีมาตราส่วน
ไม่ใช่ว่าถ้วยทุกใบจะมีเครื่องชั่งติดมาด้วย ดังนั้นการใช้ถ้วยที่ไม่มีเครื่องชั่งในการตีนมผงจึงไม่สะดวก ผู้ปกครองสามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการใช้งานจริง
4.สามารถใช้ไมโครเวฟในการอุ่นอาหารได้หรือไม่
หากไม่ได้อุ่นถ้วยด้วยไมโครเวฟ การให้ความร้อนด้วยไมโครเวฟอาจทำให้องค์ประกอบทางเคมีของถ้วยเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลต่อสุขภาพของทารกได้
5. มีหรือไม่มีด้ามจับ
แก้วน้ำบางรุ่นในท้องตลาดมีหูจับ และบางรุ่นก็มีรูปทรงที่เด็กสามารถถือได้สะดวก จึงไม่มีหูจับอีกต่อไป คุณแม่สามารถเลือกซื้อได้ตามนิสัยของลูก
6.ไม่มีการรั่วไหลของน้ำ
แก้วน้ำหลายยี่ห้อมีดีไซน์ป้องกันการรั่วซึม ป้องกันไม่ให้น้ำรั่วซึมแม้จะคว่ำแก้วทั้งใบลง วิธีนี้สะดวกมาก คุณแม่ควรใส่ใจในการเลือก